วิวัฒนาการของบอร์ดที่ ADWISE
เอนทรี่นี้ถ้าจะให้พูดตามตรงก็เหมือนภาคต่อของTDE&W (3) :: Team Foundation Serviceเลยทีเดียวเพราะในเอนทรี่ดังกล่าวผมทิ้งท้ายไว้ว่าปัจจุบันผมไม่ได้ใช้ TFS แล้วอย่างไรก็ตามเอนทรี่นี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมตั้งใจจะเขียนแต่แรกเพราะผมอยากจะพูดถึง Process ด้วยเพียงแต่ว่าวัฒนธรรมของเราที่ AdWise ยังคงมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง, เปลี่ยนแปลงและเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาทำให้ผมคิดว่าเรื่องกระบวนการทำงานผมรอให้ใกล้ๆจบ Project II ค่อยพูดถึงน่าจะดีกว่าวันนี้เราจะมาพูดถึงบอร์ดกันครับ
สมัยตอนท้าย Project I เป็นช่วงที่เราเริ่มจะจริงจังกับการทำ Scrum เป็นอย่างมากและหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้เราทำ Scrum ได้ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งโดยจะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ TFS ซึ่งหน้าตาก็เป็นดังรูปที่แปะอยู่ข้างล่างนี้แหละครับ
เสียดายไม่เคยแคปหน้าจอไว้ตอนทำงานแต่ก็จะหน้าตาประมาณนี้ทีนี้เนี่ยพอปิดเทอมไปเราก็ไปพัฒนา Technical Skill แยกกันไปซะส่วนใหญ่และยังไม่มีการใช้บอร์ดร่วมกันเลยเป็นโอกาสที่ผมได้ทดลองหาเครื่องมือใหม่ๆหลายตัวอีกครั้งแต่ไม่ว่าผมจะพยายามหาเพียงแค่ไหนมันก็ยังสนองความต้องการไม่ได้ผมต้องการเพียงแค่บอร์ดง่ายๆที่สามารถเอาไว้ดูงานได้ไม่ต้องมีฟีเจอร์หรูหรายุ่งยากซึ่งในที่สุดผมก็กลับมาสู่จุดเริ่มต้นที่ผมทำ Agile นั้นคือEidosครับ
ตัว Eidos เองเนี่ยตอนใช้แรกๆผมแฮปปี้กับมันมากครับมีฟีเจอร์แค่บอร์ด, ตัวจัดการ Backlog แล้วก็ Burndown ซึ่งเพียงพอกับความต้องการแล้วดูเหมือนจะมีความสุขใช่มั้ยครับไม่ครับผมประสบปัญหากับการลากแล้วค้างบ่อยมาก (วิธีแก้คือกด Refresh แล้วลากใหม่) ซึ่งแรกๆก็ทนใช้ได้ครับแต่นานๆไปมันเป็นปัญหาเกินไปแล้วนะผมเลยตัดสินใจเราต้องเปลี่ยนแล้วกระบวนการค้นหาจึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งแต่ก็เหมือนครั้งที่แล้วไม่ว่าเราพยายามจะค้นหาแค่ไหนเราก็ไม่เคยเจอกับสิ่งที่ตรงกับที่เราต้องการจริงๆ (รอบนี้รู้สึกจะลองJIRAด้วยยิ่งใช้ยากหนักขึ้นไปอีก) สุดท้ายครับเราตัดสินใจกลับคืนสู่สามัญสู่จุดเริ่มต้นที่เราเคยได้ลองเพียงน้อยนิดและประสบความล้มเหลวกับ Project ก่อนหน้าไปและเราไม่ได้ใช้มันอีกเลยเรากลับมาลองมันอีกครั้งนั่นคือจุดเริ่มต้นที่เรากลับมาใช้Physical Board ครับ
จริงๆแล้วบอร์ดในภาพข้างบนไม่ใช่บอร์ดแบบแรกที่ทีมผมเอากลับมาใช้นะครับเนื่องจากตอนนั้นยังทำ Scrum กันอยู่ยังมี Sprint บลาๆเพราะฉะนั้นแล้วเนี่ยโครงสร้างบอร์ดจะมีรายละเอียดหลายๆอย่างมากกว่านี้ครับแต่หลังได้มีโอกาสไปฟังLean/Kanban Going beyond Scrumที่งานTPSEทำให้ผมเกิดไอเดียหลายๆอย่างครับสิ่งสำคัญก็คือ Scrum เยอะไปสำหรับทีมเราข้อเท็จจริงที่สำคัญที่สุดคือทีมเราต้องเรียนไปด้วยทำ Project ไปด้วยปัญหาที่เราเจอมาตลอดตั้งแต่เริ่มทำ Scrum และยังแก้ไม่ได้เลยก็คือเราไม่เคยส่งงานได้ครบทุกอย่างตามที่เราแบ่งไว้ในแต่ละ Sprint เลยกรณีดีสุดก็ยังเหลือซัก 1-2 งานเสมอซึ่ง Kanban ตอบโจทย์ข้อนี้ได้ครับเพราะมีกฏแค่ 3 ข้อ (ผมคงไม่ลงรายละเอียดนะครับ) แต่เราก็ยังมีกรอบที่เราต้องทำอยู่คือเราจำเป็นต้อง Release งานออกมาให้ได้ภายในทุกอาทิตย์ตาม Requirement ของอ.ที่ปรึกษาของทีมเราซึ่งการทำแบบนี้มันดียังไงพูดง่ายๆก็คือตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้ Kanban ผมและทีมไม่เคยกังวลเกี่ยวกับ Task ที่ค้างเกินอาทิตย์อีกเลย (หรืออย่างน้อยก็กังวลน้อยลง) เพราะยังไงมันก็เป็น Flow ไหลไปเรื่อยๆของมันและนอกจากนั้นแล้วการที่เราหันไปดูบอร์ดแทนที่จะเปิดเว็บขึ้นมาลากๆรวมถึงความสะใจในการย้ายงานจาก Todo ไปจนถึง Done นั้นมันเป็นอะไรที่ฟินมากและเราส่งงานได้ต่อเนื่องขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนั่นทำให้ผมมีเวลาทดลองอะไรบางอย่างดังรูปที่อยู่ข้างล่างนี้ครับ
ช่วงเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ที่แล้วเป็นช่วงที่การเมืองอยู่ในภาวะ Unstable อย่างที่รู้กันแล้วทีมผมจากที่เคยรวมตัวกันทำงานอยู่ใน Office เดียวกันเลยได้โอกาสแยก (เนื่องจากมหาวิทยาลัยประกาศปิดแล้วตรงกับวันพ่อเลยหยุดยาวเลย) ผมเลยทำการทดลองกลับมาใช้บอร์ดอิเล็กอีกครั้งระหว่างที่เราไม่ได้นั่งอยู่ใน Office เดียวกันเป็นเวลาเกือบ 1 สัปดาห์และทำRetrospectiveหลังจากนั้นได้ผลดังต่อไปนี้ครับ
สรุปก็คือทีมชอบบอร์ดติดผนังมากกว่าในจอคอมครับแต่ข้อดีข้อเสียก็อย่างที่เห็นในรูปคือเราต้องอยู่ที่ Office เดียวกันถึงจะอัพเดทบอร์ดได้และอีกข้อที่ไม่ได้กล่าวในนี้คือเราทำ Estimation ลำบากมาก (จริงๆแล้วต้องบอกว่าขี้เกียจมากกว่า) เพราะต้องมาคอยพล็อตจุดในกราฟวันต่อวันๆ (ซึ่งในปัจจุบันเราก็แทบไม่ได้ทำเลยถึงแม้จะมีข้อมูลตลอดก็ตาม) ในตอนจบก่อนที่เราจะมาถึงปัจจุบันมีข้อสรุปว่าตัวบอร์ดที่แอบๆที่มุมกระดานมันไม่เพียงพอต่อปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นเสียแล้วเราเลยตัดสินใจทำบอร์ดใหม่แยกมาจากกระดาน (เพื่อจะได้เอาไว้ทำอะไรได้มากขึ้น) ออกมาเป็นบอร์ดที่เห็นตามรูปบนสุดนั่นแหละครับซึ่งไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจจะเปลี่ยนแปลงไปอีกก็เป็นได้ดังคำกล่าวที่ว่า
ทีมที่มีชีวิตต้องมีวิวัฒนาการ
แล้วเจอกันใหม่เอนทรี่หน้าสวัสดีครับ
Original post at: https://yothinix.blogspot.com/2013/12/adwise.html