ใครๆ ก็ทำอาหารได้ (ANYONE CAN COOK)
ในชีวิตเรามักจะเจอใครซักคนมาคอยบอกเสมอว่าเราทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกเราทำอย่างนี้ไม่ได้หรอกซึ่งในบางครั้งเสียงนั้นมันก็มาจากภายในตัวเราเองถ้านับจนถึงวันนี้ผมก็กลับมาเขียนโปรแกรมแบบจริงๆจังๆมาได้เกือบจะปีนึงแล้วคำถามคือก่อนหน้านั้นผมไปทำอะไรอยู่แล้วอะไรทำให้ผมกลับมา
ถ้าใครเคยได้ดูหนังเรื่อง Ratatouille (พ่อครัวตัวจี๊ดหัวใจคับโลก) คงคุ้นเคยกับประโยคที่กล่าวไว้ว่า "ใครๆ ก็ทำอาหารได้" ซึ่งเป็นคำกล่าวของเชฟกุ๊สโตว์พ่อครัวที่เป็นแรงบันดาลใจให้เรมี่ (หนูในเรื่อง) เริ่มทำอาหารเรมี่มีข้อจำกัดทุกอย่างที่จะทำให้ตัวเองไม่สามารถทำอาหารได้รวมถึงตัวเรมี่เองนั้นเป็นหนูซึ่งสำหรับพ่อครัวแล้วหนูแทบจะเป็นศัตรูเป็นสัญลักษณ์ของความสกปรกและไม่ควรอยู่ในห้องครัวแต่มันเองก็ยังมีพรสวรรค์อยู่ข้อหนึ่งคือมีประสาทสัมผัสในการรับกลิ่นที่เหนือกว่าหนูทั่วไปสามารถแยกแยะองค์ประกอบที่อยู่ในอาหารออกมาได้ประกอบกับแรงบันดาลใจจากการแอบไปดูรายการทำอาหารในทีวีในบ้านของมนุษย์เป็นจุดเริ่มต้นให้เรมี่กล้าที่จะทำอาหารจริงๆเมื่อถึงโอกาส
หลังจากเรียนวิชา Data Structure เสร็จตอนอยู่ปี 2 ตลอดสองสามปีที่ผ่านตัวผมเองนั้นแทบไม่ได้จับการเขียนโปรแกรมแบบจริงจังอีกเลยซึ่งในระหว่างนั้นสิ่งที่สนใจส่วนใหญ่ก็จะเป็นการ Config ระบบหรือบริการต่างๆบน Linux ซึ่งก็ไม่ใช่ว่างานนี้มันไม่สนุกนะครับการแก้ปัญหาในการติดตั้งระบบต่างๆให้มันเข้ากับ Environment ของเราได้นั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายพอสมควรเลยทีเดียวต้องใช้ทักษะในการวิเคราะห์ปัญหาจากสิ่งที่ Terminal มันแสดงผลออกมารวมถึงไฟล์ Log ที่อยู่ในเครื่องฯลฯและมักจะมีบริการหรือเทคโนโลยีใหม่ๆให้มาทดลองติดตั้งเสมอจนกระทั่งเมื่อขึ้นปี 4 ถึงแม้ผมจะทำงานกับ Linux ได้ดีแต่เมื่อต้องเลือกที่จะทำ Project ทำอะไรที่เราอยู่กับมันไปหนึ่งปีเต็มผมเลือกที่จะเขียนโปรแกรมแทนซึ่งนอกจากมันจะดูท้าทายเพราะผมไม่ได้ทำอะไรเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมมาเกือบสองปีแล้วสาเหตุที่ผมเลือกนั้นก็แทบไม่ต่างกับเรมี่คือผมมีแรงบันดาลใจซึ่งแรงบันดาลใจที่ว่านั้นก็คืออไจล์ที่ผมพูดถึงบ่อยมากจนหลายๆคนเริ่มจะเบื่อแล้ว
สิ่งที่ผมเรียนรู้มาตลอดเกือบปีที่กลับมาเขียนโปรแกรมคือใครๆก็เขียนโปรแกรมได้ครับซึ่งไม่ต่างจากการทำอาหารอย่างที่ผมกล่าวในข้างต้นเลยเวลาเรามีปัญหาที่เราต้องการจะแก้เราจะเลือกใช้โค้ดของคนอื่นที่หาได้ทั่วไปใน Internet ที่สมัยนี้แทบจะหาไม่ยากเลยเพราะมีคนแก้ไว้หมดแล้วหรือเราจะพยายามแก้ปัญหานั้นด้วยตัวเองไม่ต่างจากการที่เราจะเลือกกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่แค่เอาน้ำใส่ถ้วยฉีกผงชูรสใส่หรือเราจะลงทุนเข้าครัวปรุงอาหารที่เราอยากกินขึ้นมาเองแน่นอนครับมันอิ่มเหมือนกันเหมือนกับที่งานเสร็จได้เหมือนกันแต่จะอร่อยมั้ยและยอมเสียเวลาทำมันมากแค่ไหนนั่นแหละครับคือสิ่งที่แต่ละคนเลือกต่างกัน
ตอนเราเริ่มต้นทำอาหารถ้าเราคาดหวังว่าเราจะทำอาหารหรูระดับภัตตาคารได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าครัวรับรองว่าตกลงมาเจ็บแน่ครับแล้วอาจจะเกลียดการทำอาหารไปเลยตลอดกาลแต่ถ้าเราเริ่มต้นจากจุดเล็กๆก่อนอย่างเช่นการทำไข่เจียวง่ายๆเชื่อมั้ยครับว่ามันสามารถเป็นแรงผลักดันให้เราทำอาหารที่ต้องใช้วิธีทำที่ซับซ้อนขึ้นได้นั่นแหละครับสุดท้ายแล้วไม่ได้ต่างจากการเขียนโปรแกรมเลย
สุดท้ายแล้วความรักครับ ไม่ใช่ทุกคนครับที่รักการเขียนโปรแกรมเหมือนกับที่ผมก็ไม่ได้รักการทำอาหารซักเท่าไรแต่คนเราทุกคนมีโอกาสตกหลุมรักได้ครับถ้าเจอคนที่ใช้ในเวลาที่เหมาะผมมาเจอคนที่ใช่คืออไจล์ (อีกแล้ว) ในเวลาที่เหมาะ (ก่อนเริ่มทำโปรเจ็คหนึ่งเดือน) นั่นแหละครับเป็นสิ่งที่ทำให้ผมกลับมาเขียนโปรแกรมได้สนุกอีกครั้งและเริ่มที่จะเรียนรู้ว่าการเขียนโปรแกรมมันไม่ได้มีแค่ "การเขียนโปรแกรม" เพียงอย่างเดียวและผมยังยินดีที่จะแนะนำเธอ (อไจล์) ให้ใครก็ตามที่อยากจะรู้จักอยู่เสมอเพราะผมเชื่อว่าถ้าเขาเห็นเธอในแบบที่ผมเห็นแล้วหละก็เขาอาจจะตกหลุมรักเธอเหมือนที่ผมเป็นก็เป็นได้
Original post at: https://yothinix.blogspot.com/2014/01/anyone-can-cook.html